
เรื่องราวของผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา: รายงานภาพถ่าย โดยฮักบง กวัน
รายงานภาพถ่ายสารคดีที่บันทึกจากการลงพื้นที่จริงในค่ายผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาตามแนวชายแดนประเทศบังกลาเทศ
ผู้เขียนเลือกใช้ภาพถ่ายในฐานะ “ความจริงที่ผ่านการตีความ” มากกว่าการรายงานข่าวทั่วไป เพื่อถ่ายทอดชีวิตและเสียงของชาวโรฮิงญาอย่างลึกซึ้ง
หนังสือเล่มนี้นำเสนอขั้นตอนการทำงานสารคดีอย่างครบถ้วน ทั้งการสัมภาษณ์ภาคสนาม การถ่ายภาพบุคคลโดยใช้แสงจัด และเบื้องหลังการผลิต
ถือเป็นทั้งบันทึกภาพในเชิงรายงาน และคำถามสะท้อนว่า “ช่างภาพสามารถมองประเด็นทางสังคมผ่านสายตาของตนเองได้อย่างไร”
บันทึกจากผู้เขียน: เรื่องราวของผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา: รายงานภาพถ่าย
เมื่อผมตัดสินใจเริ่มบันทึกเรื่องราวของวิกฤตผู้ลี้ภัยโรฮิงญาอย่างจริงจัง
ผมรู้ทันทีว่าหน้าที่ของผมต้องมากกว่าการถ่ายภาพโศกนาฏกรรมที่เห็นอยู่ตรงหน้า
แม้จะมีสื่อมากมายที่นำเสนอภาพรวมของเหตุการณ์ แต่ “ตัวตนของผู้คน” เบื้องหลังข่าวเหล่านั้นกลับถูกบดบัง
สิ่งที่ผมอยากรู้คือ พวกเขาเป็นใคร มาจากที่ไหน ผ่านอะไรมาบ้าง และตอนนี้กำลังใช้ชีวิตอย่างไร
จากคำถามเหล่านี้ รายงานภาพถ่ายเล่มนี้จึงได้ถือกำเนิดขึ้น
การลงพื้นที่และการถ่ายภาพเกิดขึ้นในค่ายผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาทางชายแดนของประเทศบังกลาเทศ
ผมใช้เวลา 2 สัปดาห์เต็มอาศัยอยู่ในค่าย ระหว่างช่วงครบรอบ 1 ปีของการตั้งถิ่นฐาน
ใช้ชีวิตร่วมกับพวกเขา ท่ามกลางอากาศร้อน ฝุ่นควัน และความไม่สะดวกสบาย พร้อมบันทึกทุกช่วงเวลา
หลายคนเล่าให้ผมฟังถึงบ้านเกิดของครอบครัว
พวกเขาจำชื่อหมู่บ้านที่พ่อ ปู่ ทวดของตนเคยเกิดได้อย่างแม่นยำ
และสามารถอธิบายถึงรากเหง้าของตัวตนได้อย่างชัดเจน
นั่นไม่ใช่แค่ “ผู้ลี้ภัย” แต่คือ “คำให้การ” ของผู้คนที่ถูกบีบบังคับให้ออกจากบ้านเกิดของตน
ในภาคสนาม ผมตั้งคำถาม รับฟัง และกดชัตเตอร์
ภาพถ่ายบางครั้งก็ทำหน้าที่เป็นพยานหลักฐาน และบางครั้งก็คือการตีความ
ผมพยายามแปลเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในแววตา ท่าทาง คำพูด และท่าทางของพวกเขาออกมาเป็นภาพ
การถ่ายภาพบุคคลด้วยแสงจัดอาจดูเหมือนการจัดฉาก ซึ่งไม่ใช่วิธีที่พบบ่อยในงานสารคดี
แต่ผมเชื่อว่าวิธีนี้สามารถ “ใช้จินตนาการเพื่อเน้นย้ำความจริง” ได้
ใบหน้าของผู้คนที่ยืนอยู่หน้ากล้องไม่ควรถูกมองว่าเป็นแค่เหยื่อ
แต่ต้องแสดงถึง “ศักดิ์ศรี” ของผู้ที่ผ่านความเจ็บปวดและยังมีชีวิตอยู่
หนังสือเล่มนี้คือบันทึกภาพจากสถานที่จริงที่ผมได้ไปเยือน
เป็นรายงานที่ถ่ายทอดเสียงของพวกเขา
และเป็นข้อเสนอว่าภาพถ่ายสามารถเข้าถึงปัญหาสังคมได้อย่างไร
บางครั้ง ภาพถ่ายมีพลังในการทำลายความเงียบ
ถ้าภาพเหล่านี้สามารถทำให้ใครบางคนหยุดคิด ถามคำถาม หรือเริ่มใส่ใจ
ผมคิดว่านั่นก็เพียงพอแล้ว
เรื่องราวของผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับตัวผมเอง
มันทำให้ผมถามตัวเองอีกครั้งว่า “ผมถ่ายภาพไปเพื่ออะไร”
และทำให้ผมทบทวนอย่างลึกซึ้งถึง “พลังของภาพถ่าย”
บางคนอาจเพิ่งรู้จักวิกฤตโรฮิงญาผ่านหนังสือเล่มนี้
บางคนอาจได้แรงบันดาลใจเกี่ยวกับแนวทางใหม่ของการถ่ายภาพสารคดี
เป้าหมายของผมคือการเป็น “จุดเริ่มต้น” ให้กับสิ่งนั้น
และหากภาพถ่ายในเล่มนี้ทำให้ใครสักคน “หยุดชั่วขณะ” ได้แม้เพียงครั้งเดียว
ผมก็เชื่อว่างานนี้มีคุณค่าอย่างยิ่ง