ขบวนการอิสรภาพ: สายตาที่ซ้อนทับ

เหนือช่องว่างแห่งความทรงจำ อดีตและปัจจุบันทับซ้อนกัน

นิทรรศการเดี่ยว | ฮักบง กวัน

ขบวนการอิสรภาพ: สายตาที่ซ้อนทับ

ขบวนการอิสรภาพ: สายตาที่ซ้อนทับ ใช้รูปลักษณ์ของเด็กหญิงผู้เป็นสัญลักษณ์แทนยู กวานซุน เพื่อจุดประกายภาพแห่งร่องรอยของผู้ร่วมปฏิบัติการอิสรภาพ ผู้จำนวนมากที่หมดชื่อในประวัติศาสตร์
โดยวางบุคคลลอยอยู่เหนือสถานที่ทางประวัติศาสตร์ จึงสร้างจุดตัดระหว่างอดีตและปัจจุบัน ระหว่างความเป็นจริงและความเหนือจริง
งานชิ้นนี้ไม่ได้หยุดเพียงที่การระลึกถึงอดีตเท่านั้น
แต่ตั้งใจให้เป็นคำถามสะท้อนว่า วันนี้เราได้สืบทอดจิตวิญญาณนั้นอย่างไร?

  • ระยะเวลาแสดงงาน: 7 สิงหาคม (พฤหัสบดี) – 31 สิงหาคม (อาทิตย์) 2025
  • สถานที่: ศูนย์ศิลปะกังดง (Kangdong Art Center), ห้องแกลเลอรี “Grim”

เมื่อธันวาคมปีก่อน เหตุการณ์กฎอัยการศึกทำให้ข้าพเจ้าสะเทือนใจอย่างแรง
ก่อนหน้านั้น ข้าพเจ้าคิดว่าเกาหลีอาจสั่นคลอนภายใต้พลังหรือภัยคุกคามจากจีน สหรัฐ หรือรัสเซีย
แต่สิ่งที่คุกคามจริง ๆ กลับไม่ใช่ภายนอก หากเป็นอำนาจที่ลุ่มลึกภายใน
ประสบการณ์นั้นทำให้ข้าพเจ้าทบทวนรากแท้และสาระสำคัญของประเทศเกาหลี

จุดเริ่มต้นคงหนีไม่พ้นขบวนการ 3.1 และการเคลื่อนไหวเพื่ออิสรภาพ
วันที่ 1 มีนาคม 1919 คือช่วงเวลาประวัติศาสตร์ ที่ชาติเกาหลีประกาศเจตจำนงอย่างแน่วแน่ว่าต้องการเอกราช
และด้วยการก่อตั้งรัฐบาลชั่วคราวในเซี่ยงไฮ้ คำว่า ประชาธิปไตย และอธิปไตยแห่งชาติ ถูกนำมาเป็นคุณค่าแกนกลาง
จิตวิญญาณและประวัติศาสตร์ของขบวนการอิสรภาพนั้น คือรากฐานสำคัญที่สุด ที่หล่อหลอมอัตลักษณ์เกาหลีในปัจจุบัน

ผลงานชุดนี้สร้างขึ้นโดยมองสถานที่ประวัติศาสตร์ของขบวนการอิสรภาพจากจุดยืนปัจจุบัน
ภาพเด็กหญิงในชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนอีฮวาจากเสื้อโจโกริ (jeogori) สีขาวและกระโปรงดำ อาจเตือนถึงยู กวานซุน
แต่เธอไม่ใช่บุคคลเจาะจง
เธอเป็นสัญลักษณ์ทางสายตาที่รวมผู้ไร้นามผู้หนึ่งในประวัติศาสตร์
เมื่อเธอลอยอยู่เหนือพื้นโลก เส้นแบ่งระหว่างความจริงและไม่จริง อดีตและปัจจุบันจะบรรจบ
การลอยนั้นหมายถึงจิตวิญญาณของผู้ต่อสู้ในอดีต ยังคงดำรงอยู่ภายในชีวิตของเรา

สายตาของเธอจับจ้องสถานที่หลากหลาย —
ไม่เพียงแค่สถานที่ที่ความปรารถนาและการต่อสู้อิสรภาพเคลื่อนไหว
แต่รวมถึงสถานที่แห่งความทรมานเช่น เรือนจำโซแดมุน (Seodaemun) และสถานที่อื่น ๆ ที่มีความหมาย
ข้าพเจ้าต้องการย้อนมองว่า สถานที่เหล่านั้น — ที่บรรพชนสละชีวิต เคยทรมาน และเสียสละ —
ปัจจุบันอยู่ร่วมกับเราอย่างไร
หากพวกเขาได้เห็นเราในวันนี้ พวกเขาจะคิดอะไร?
นี่คือคำถามที่ข้าพเจ้าตั้งใจจะส่งผ่าน

สิ่งที่ผลงานมุ่งหวัง ไม่ใช่แค่การบันทึกหรือจดจำอดีต
แต่หวังว่ามันจะเป็นเครื่องหมายคำถามเงียบ ๆ
ที่คอยถามว่า เราเป็นใคร เรากำลังใช้ชีวิตอย่างไร และเราควรมุ่งไปสู่อะไรในอนาคต

ในอนาคต ข้าพเจ้าปรารถนาจะบันทึกสถานที่ทางประวัติศาสตร์ของขบวนการอิสรภาพทั่วประเทศ
และเชื่อมโยงพวกมันเป็นเรื่องเล่าเดียว
รวมถึงขยายไปถึงร่องรอยการเคลื่อนไหวในต่างแดน
เพื่อทำให้คำว่า “ขบวนการอิสรภาพ” ไม่ถูกจองจำไว้ในอดีต
แต่กลายเป็นคำถามเชิงปัจจุบัน และจุดเริ่มต้นแห่งความคิด

พฤษภาคม 2025, เขียนที่ลำปาง
ฮักบง กวัน

แด่ “ขบวนการอิสรภาพ: สายตาที่ซ้อนทับ” โดย ฮักบง กวัน

– ผู้ที่ลอยขึ้นมา, ผู้ที่ยังมาไม่ถึง –

ระหว่างฟ้ากับดิน หญิงผู้หนึ่งลอยขึ้น
เธอไม่บิน
เธอไม่ถึงฝั่ง
เธอเพียงแต่ลอยอยู่
ราวกับรอคอยอะไรบางอย่าง ราวกับเป็นพยานบางสิ่ง
บนแอสฟัลต์ในโซล พื้นทุ่งในชุงชอง บ้านที่สูญหาย
บนอนุสาวรีย์อันนิ่งเงียบ เธอยกกาย
การลอยนั้นไม่ใช่เพียงการแสดง
แต่เป็นคำถามที่โยนมายังเส้นแบ่งแห่งเวลาและอวกาศที่เราพำนักอยู่

ผลงานภาพถ่ายชุด ขบวนการอิสรภาพ: สายตาที่ซ้อนทับ
ใช้อุปกรณ์เรียบง่าย — สถานที่ทางประวัติศาสตร์ กับภาพลอยกลางอากาศ —
เพื่อซ้อนทับ “การมีอยู่กับเวลา” ความทรงจำกับจริยธรรม ร่างกายกับชาติไว้ในกรอบเดียว

สายตาของศิลปินมิได้ตั้งใจบันทึกอดีตเพียงอย่างเดียว
เขานำผู้ที่ไม่เคยกล่าวออกมา ผู้ที่ไม่เคยได้รับความทรงจำ
ให้ปรากฏขึ้นท่ามกลางภูมิทัศน์ของปัจจุบัน
แม้เธอสวมชุดอีฮวาจาก แต่เธอไม่ใช่ยู กวานซุน
เธอคือทุกคน และในเวลาเดียวกัน ไม่มีใคร
เธอคือชื่อที่หายไป เสียงที่ถูกฝัง และศีลธรรมที่หลับใหลอยู่ภายในเรา
การลอยของเธอไม่ใช่การกระโดดในโลกนิยาย
แต่คือสภาพของการเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่อาจอยู่ในที่ใด
คือการกลับมาไม่สำเร็จ การดำรงอยู่ที่ไม่สมบูรณ์
และการเคลื่อนตัวของคำถามที่ตื่นจากช่องว่างแห่งประวัติศาสตร์

พื้นที่ในภาพคุ้นแต่ดูแปลก
สวนทับกอล (Tapgol Park), เรือนจำโซแดมุน, บ้านเกิดยู กวานซุน, ตลาดห้าโมงเมืองบย็องชอน
วัดกลางแห่งเชอนโดคโย, ที่ตั้งยูซิมดังคในบุกชน, ซอยหลังตลาด, มุมมืดในเมือง, ซอยเล็กใต้ป้ายนิ่ง
สถานที่เหล่านี้ — ถูกบรรจุภายใต้คำว่า “อดีต”
แต่แทรกซึมอยู่ในภูมิทัศน์ของวันนี้
สะสมชั้นเวลาเงียบ ๆ ไว้ภายใน
และเธอที่ลอยอยู่ท่ามกลางนั้นถามว่า
“ฉันอยู่ที่ใดมาก่อน?”
“ฉันมายืนแทนใคร ณ ที่แห่งนี้?”
“เรายังคงเป็นอิสรภาพอยู่หรือไม่?”
ภาพถ่ายไม่กล่าวอะไร
แต่ผู้ชมสัมผัสถึงคลื่นเสียงที่สั่นสะเทือนในความเงียบ
นี่คือบทต่อต้านทางปรัชญาที่วิจิตร —
ถึงวิธีที่การลืมถูกทำซ้ำ ความทรงจำถูกเมืองนโยบาย และโละออกจากบทบาทแห่งความคิด
และวิธีที่ภาพถ่ายเพียงใบเดียวท้าทายนั้น
เปิดพื้นที่แห่งการครุ่นคิดใหม่

ด้วยโทนภาพขาวดำ ฉากดูเหมือนเป็นบันทึก
แต่แท้จริงมันเล็งจุดจริยธรรมของเรา ณ ปัจจุบัน
แสงที่โปรยบนร่างเธอดูเหมือนออกมาจากภายใน
ร่างเธอเองเผยให้เห็นตัวตน
รอบกายเธอพร่าเลือนหรือมืดมัว เธอเท่านั้นชัดเจน
นี่ไม่ใช่การเน้นบทบาทผู้แสดงนำ
แต่คือเงียบสงบโดยปริยาย — ตอบสนองต่อโลกด้วยความไม่อาจหลีกหนี

ภาพเหล่านี้มิได้สรรเสริญความทรงจำของขบวนการอิสรภาพ
แต่กลับตั้งคำถามว่า
ความทรงจำยังมีชีวิตหรือไม่?
เราแบกจิตวิญญาณนั้นอยู่หรือไม่?
ประวัติศาสตร์ไม่ใช่เพียงอดีตที่ผ่านมาแล้ว
แต่คือ “ภารกิจของปัจจุบัน” ที่ยังดำเนินผ่านตัวเรา
ขบวนการอิสรภาพ: สายตาที่ซ้อนทับ ไม่ใช่นิทรรศการเชิดชู
แต่คือเสียงเรียกแห่งจริยธรรม และการตอบสนองของการดำรงอยู่
ร่างที่ลอยขึ้นนั้นเป็นพยานของยุคสมัย และเสียงสุดท้ายของผู้ที่หายไป

ในที่สุด เธอจะเหยียบน้ำ
แต่จะเหยียบลงที่ใด?
ยังไม่มีที่ลงที่ชัดเจน
อาจเป็นที่ที่เราจดจำ
เป็นรูปแบบที่เราใช้ดำรงชีวิต
เป็นสายตาที่เราเลือก
คำถามนั้นยังคงอยู่เบื้องล่างใต้ฝ่าเท้าของเราแต่ละคน

สายตาที่ซ้อนทับของฮักบง กวัน
ที่แหลมคมดุจขวดแก้วแตก
คือเหตุผลที่มันจึงทำให้เราบอบช้ำจนเห็นได้ชัด

— คิม ฮงฮี / ช่างภาพ

IPA 2025 รางวัลภาพถ่ายนานาชาติ — หมวด Fine Art (Abstract) Honorable Mention
IPA 2025 งานที่ได้รับการคัดเลือกอย่างเป็นทางการ (Professional Category)
MonoVisions Awards 2025 — Honorable Mention ด้านแนวคิด
PX3 Paris International Photography Awards 2025
 • รางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่ง หมวด Fine Arts
 • Gold Winner — The Independence Movement: Layered Gazes

ขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมในโปรเจกต์นี้จากใจจริง